ผู้สมัครงาน
เลือกช่องทางติดต่อ
อยากได้งานจริง ไม่เอางานทิพย์ !!
ส่งเรซูเม่ไปแล้ว ฉันต้องถูกเรียกสัมภาษณ์ (สักที) เถอะ
ก่อนลงมือเขียนเรซูเม่สมัครงาน มาดู 5 ข้อสำคัญที่ผู้สมัครต้องรู้กันเลยครับ
1 การเขียนเรซูเม่ เป็นการสื่อสารทางเดียว (One -Way Communication) : ต้องคำนึงเสมอเลย คุณขียนอะไรลงไป HR ก็ได้รับข้อมูลตามนั้น ถ้าคุณให้ข้อมูลไม่ครบ ก็ไม่สามารถอธิบายอะไรให้เขาเข้าใจเพิ่มเติมได้ เช่น ในส่วนของประสบการณ์ คุณระบุแค่ว่า เคยทำงานตำแหน่งวิศวกรไฟฟ้า ไม่ระบุเลยว่ามีทักษะในด้านใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่เคยทำ
แต่งานที่ HR ลงประกาศ ต้องการคนที่มีทักษะการใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่าง ๆ และทั้งที่จริง คุณก็มีทักษะเหล่านั้นครบถ้วน (แต่) ไม่ได้ระบุลงไป ซึ่ง HR ก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจริงๆ คุณคือคนที่ใช่ สุดท้ายเขาก็ต้องเลือกคนที่ระบุคุณสมบัติตรงประกาศมาสัมภาษณ์ก่อนอยู่แล้วครับ
2 รูปถ่ายคือ First Impression ที่สำคัญมาก : มีผลต่อการตัดสินใจหยิบเรซูเม่ขึ้นมาอ่านเลยครับ เรื่องนี้ถือเป็นการให้เกียรติบริษัทและแสดงความเป็นมืออาชีพ ควรใช้รูปปัจจุบันที่สุภาพและเห็นหน้าชัดด้วยครับ
รวมถึงข้อมูลส่วนตัวซึ่งทุกส่วนมีความสำคัญต่อการพิจารณาและมีผลต่อการตัดสินใจเปิดอ่านเรซูเม่ของคุณในหน้าต่อไปด้วย ต้องระบุให้ครบและถูกต้อง เพื่อแสดงความจริงใจและจริงจังต่อการหางาน อาทิ ชื่อ- สกุล ,วันเดือนปีเกิด ,ช่องทางติดต่อ ,ที่อยู่ปัจจุบัน ฯลฯ
ปล. ที่อยู่ปัจจุบันที่ไกลจากบริษัทอาจเป็นเหตุที่ทำให้เขาไม่อยากเรียกสัมภาษณ์ เพราะกลัวว่าเข้ามาแล้วจะลาออกเร็ว เนื่องจากปัญหาเรื่องการเดินทาง แต่ถ้าคุณสามารถย้ายไปใกล้บริษัทได้หากได้งานจากบริษัทนั้น ให้ระบุหมายเหตุนี้ไปด้วยนะครับ แต่ถ้าคุณไม่สะดวกย้ายหรือไม่อยากเดินทางไกล ควรเลือกสมัครงานที่ใกล้กับที่อยู่ปัจจุบันของคุณดีกว่าครับ
3 Hard Skills ช่วยเพิ่มโอกาสได้สัมภาษณ์งาน : เพราะเป็นส่วนสำคัญที่ต้องใช้ทำงาน ต้องโชว์ออกมาให้ชัดเจน อย่าเขียนกว้างเกินไป
เช่น การระบุว่า มีทักษะการใช้ Microsoft Office ก็ต้องเขียนให้ละเอียดไปเลยว่าใช้โปรแกรมไหนเป็นบ้าง Word, PowerPoint, Excel หรืออื่น ๆ พร้อมระบุด้วยว่า มีทักษะอยู่ในระดับไหน แต่จริง ๆ ควรอยู่ในระดับกลางครับ ซึ่งถือเป็นระดับที่พร้อมทำงาน ถ้าได้ในระดับเบื้องต้น อาจไม่สามารถเรียกคะแนนจาก HR ได้เท่าไร เอาเป็นว่า เลือกระบุเฉพาะทักษะที่คุณมีในระดับกลางจะดีกว่าครับ
หรือหากมีทักษะด้านภาษา ควรมีใบรับรองด้วย ซึ่งทักษะก็ควรอยู่ในระดับปานกลางเช่นกัน แต่หากไม่มีใบรับรอง ให้ระบุด้วยเลยครับ ว่าสามารถให้ทางบริษัททำการทดสอบได้ ถือเป็นการท้าให้เขามาทดสอบ เสมือนเป็นการบอกว่า เรียกฉันไปสัมภาษณ์สิ มาเลยๆ
4 Soft Skills ช่วยเพิ่มโอกาสได้งาน : เพราะเป็นทักษะที่ใช้ทำงานร่วมกับผู้อื่น หรือที่เรียกว่า ความฉลาดทางด้านอารมณ์ ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพของงาน เพราะเป็นส่วนที่ขับเคลื่อนให้คนทำงานนำ Hard Skills ออกมาใช้กับงานที่ทำ
ในประกาศมีระบุชัดเจนอยู่แล้วครับ ว่าต้องการคนแบบไหน เช่น เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ,ชอบงานที่ท้าทาย ,ทำงานเป็นทีมได้ดี ,เรียนรู้ได้เร็ว ,เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง หรืออื่น ๆ ต้องอ่านในประกาศดูครับ และคุณสมบัติเหล่านี้นอกจากจะต้องระบุในเรซูเม่แล้ว วันสัมภาษณ์งาน HR ก็อยากจะเห็นด้วยว่า คุณมีคุณสมบัติตามที่ระบุไว้ในเรซูเม่จริงรึเปล่า ซึ่งหากคุณมีจริง โอกาสได้งานก็สูงมากครับ
ปล. ขึ้นอยู่กับการเลือกสมัครงานตั้งแต่แรกแล้วแหละ ว่าคุณเลือกงานที่เหมาะกับตัวเองมากแค่ไหน เพราะต่อให้โกหกไปในเรซูเม่ ความจริงก็ถูกเปิดเผยในวันสัมภาษณ์อยู่ดีครับ
5 เรซูเม่ใบเดิม ไม่สามารถใช้สมัครได้ทุกบริษัท : หน้าที่ความรับผิดชอบงานของแต่ละบริษัท ไม่มีทางเหมือนกันอยู่แล้วครับ แม้ชื่อตำแหน่งจะคล้ายหรือเหมือนกันก็ตาม แต่คุณสมบัติที่ระบุในประกาศของแต่ละบริษัท ย่อมต่างกันแน่นอน เรซูเม่ที่ทำขึ้นมา 1 ใบจึงไม่สามารถนำไปสมัครได้ทุกบริษัท ต่อให้หว่านไปหลายสิบหลายร้อยที่ ก็ไม่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ถูกเรียกสัมภาษณ์ได้เลย ถ้าเรซูเม่ของคุณไม่ตรงกับที่เขาต้องการ
ดังนั้น ก่อนจะสมัครงานกับบริษัทไหน ต้องอ่านประกาศงานของบริษัทนั้นให้ละเอียดและจบทุกบรรทัด ว่าเขาต้องการคนมีทักษะใดบ้าง (Hard Skills) ต้องการคนแบบไหน (Soft Skills) ถ้ามันใช่คุณจริง ๆ คุณก็นำคุณสมบัติของตนเองที่ตรงกับประกาศงาน ไประบุในเรซูเม่เลยครับ ยิ่งตรงมาก โอกาสได้สัมภาษณ์ก็ยิ่งสูงมาก (แต่ห้ามโกหกนะครับ)
คลิกสมัคร Job Fair Online BY JOBBKK 2021 ครั้งที่ 5 สมัครพร้อมสัมภาษณ์กว่า 1,000 อัตรา
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด 
